พระองคุลิมาลเถระ ผู้ต้นคดปลายตรง

พระองคุลิมาล เป็นบุตรปุโรหิตแห่งราชสำนักพระเจ้าปเสนทิโกศล บิดาท่านนามว่าคัคคะ มารดานามว่า มันตานี วันที่ท่านเกิดนั้นบิดาเฝ้าอยู่ในสำนักพระราชวัง เกิดแสงรุ่งโรจน์ขึ้นที่พระคลังแสงเป็นที่อัศจรรย์ บิดาแหงนหน้าขึ้นดูท้องฟ้า เห็นดาวโจรลอยเด่นอยู่ จึงกราบทูลว่าเด็กที่เกิดขึ้นเวลานี้จะเป็นมหาโจรชื่อดัง

องคุลิมาล

พระราชาตรัสถามว่า เป็นโจรธรรมดา หรือโจรชิงราชสมบัติ (ท่านใช้ศัพท์ว่า เอกโจร กับ รัชชทูสกโจร) เอกโจร ก็โจรเอกชน รัชชทูสกโจร ก็โจรปล้นราชบัลลังก์ อาจจะมีหลายคน
ปุโรหิตกราบทูลว่าโจรธรรมดา พระราชาก็ไม่สนพระทัย เพราะยังไงก็ไม่เดือดร้อนถึงพระองค์

เมื่อปุโรหิตก้าวเท้าขึ้นบ้าน คนในบ้านก็รายงานว่าท่านได้บุตรชายแล้ว ก็รู้ทันทีว่าเด็กที่ตนกล่าวถึงเมื่อครูใหญ่ๆ นั้นคือ บุตรชายของตน กลับไปกราบทูลให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทราบและขอพระบรมราชานุญาตกำจัดเสีย ซึ่งก็ได้รับการทัดทานจากพระเจ้าปเสนทิโกศล

บิดาจึงตั้งชื่อแก้เคล็ดว่า “อหิงสกะ” (ผู้ไม่เบียดเบียน) อหิงสกะก็ทำท่าไม่เบียดเบียนใคร เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ประพฤติดี เรียนเก่ง พ่อส่งไปศึกษาอยู่กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์แห่งตักกศิลา ก็ตั้งใจเรียน เป็นที่รักของอาจารย์อย่างยิ่ง

จนศิษย์ร่วมสำนักอิจฉา หาทางยุยงอาจารย์ให้เกลียดและกำจัดเสีย

องคุลิมาล

ในที่สุดอาจารย์ก็เชื่อคำยุยงของศิษย์อื่นๆ เรียกอหิงสกะไปกระซิบบอกว่าจะถ่ายทอด “วิษณุมนตร์” ให้เป็นการเฉพาะ แต่ให้ไปฆ่าคน เอานิ้วมือมา ๑,๐๐๐ นิ้ว จึงจะประกอบพิธีประสิทธิ์ประสาทมนตร์ให้ได้

ศิษย์เชื่ออาจารย์เพราะความอยากได้มนตร์ จึงออกไปฆ่าคนเพื่อที่จะเอานิ้วมือ เมื่อฆ่าคนได้มากเข้า จิตใจก็เหี้ยมเกรียมขึ้น นิ้วมือที่ตัดเอามาก็เน่าหลุดไปก่อนจะครบจำนวนที่กำหนด จึงเอาเถาวัลย์มารอยเป็นพวงแขวนคอไว้ จนปรากฏเสียงเล่าลือกันทั่วไปว่า มีโจร “องคุลิมาล” (พวงมาลัยนิ้วมือคน) ไล่ฆ่าคนที่ผ่านดง “ชาลินี” เป็นประจำ เป็นที่ครั่นคร้ามของประชาชน จนไม่มีใครกล้าสัญจรผ่านไปทางนั้น

ความร้ายกาจขององคุลิมาลเล่าขานกันทั่วไป จนพระเจ้าปเสนทิโกศลต้องตัดสินพระทัยยกกองทัพย่อยๆ ไปปราบด้วยพระองค์เอง มารดาของท่านทราบข่าวด้วยความรักลูก จึงลอบออกจากเมืองเพื่อไปบอกข่าวให้ลูกระวังตัว

พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า บัดนี้องคุลิมาลเกิดสติฟั่นเฟือนแล้ว พบใครก็จะต้องฆ่าเพื่อเอานิ้วมือให้ได้ เธออาจจะทำอนันตริยกรรม ทำให้ถลำลึกลงไปอีก จึงเสด็จไปดักหน้าองคุลิมาล ก่อนที่มารดาท่านจะมาถึง

องคุลิมาล

มหาโจรเห็นคนเดินมา พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่สนใจ ขอให้ได้นิ้วมืออีกสักนิ้วก็ครบ ๑,๐๐๐ นิ้วแล้ว จึงชูดาบวิ่งไล่ พระพุทธองค์เสด็จดำเนินไปตามปกติ แต่ทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ไม่ให้องคุลิมาลไล่ทัน องคุลิมาลจึงตะโกนว่า “หยุด สมณะ หยุด”

องคุลิมาล

พระองค์ตรัสว่า “เราหยุดแล้ว แต่เธอยังไม่หยุด” เมื่อเขาสงสัย จึงตรัสต่อว่า “เราหยุดทำบาป แต่เธอยังไม่หยุด” เท่านั้นแหละ มหาโจรก็วางดาบ เข้าไปกราบแทบพระยุคลบาท รับฟังพระโอวาท พระองค์ตรัสสอน แล้วประทานอุปสมบทให้ นำท่านกลับไปยังพระเชตวัน

พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะเสด็จไปปราบองคุลิมาล ทรงทราบว่า องคุลิมาลบัดนี้ได้วางดาบแล้วมาบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ก็ปวารณาพระองค์เป็นอุบาสกถวายความอุปถัมภ์

องคุลิมาล

แรกๆ พระองคุลิมาลบิณฑบาตไม่ได้ข้าว เพราะประชาชนจำได้ก็พากันวิ่งหนี หรือไม่ก็เอาก้อนดินก้อนอิฐขว้างปา ได้รับความเจ็บปวด พระพุทธองค์ตรัสสอนให้ท่านอดทนเพราะเป็นเศษกรรมของท่าน

องคุลิมาล

วันหนึ่ง ท่านเห็นหญิงมีครรภ์แก่เดินเหินลำบาก จึงมากราบทูลพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ตรัสบอกให้ท่านแผ่เมตตาจิตให้นาง รุ่งเช้าขึ้น ท่านไปบิณฑบาตพบสตรีครรภ์แก่คนนั้น ท่านได้ยืนสงบใกล้ๆ เธอ เปล่งวาจาตั้งสัตยาธิษฐานว่า (ขออนุญาตคัดลอก เพราะสำคัญมาก)

ยะโตหัง ภะคินี อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ

“ดูก่อนน้องหญิง ตั้งแต่ราเกิดมาในชาติเป็นอริยะ (ตั้งแต่บวช) เราไม่เคยคิดทำลายชีวิตสัตว์ใดเลย ด้วยสัจวาจานี้ ขอให้ความสวัสดีจงมีแก่ท่านและบุตรในครรภ์ของท่าน”

ว่ากันว่าสตรีท่านนั้นคลอดบุตรอย่างง่ายดาย จนเป็นที่เล่าขานกันต่อมาว่า ท่านเป็นผู้มี “มนตร์” ทำให้คลอดบุตรง่าย มาถึงตอนนี้ไม่มีใครกลัวท่านอีกต่อไปแล้ว

น่าสังเกตว่า คำกล่าวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือสวดมนต์เจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน ในชื่อว่า อังคุลิมาลปริตร ใช้สวดเพื่อเป็นสิริมงคลโดยเฉพาะ เพื่อทำให้คลอดบุตรง่ายมาจนบัดนี้

 

ท่านพระองคุลิมาล ได้รับสรรเสริญว่าเป็นพระเถระประเภท “ต้นคดปลายตรง” คือ เบื้องต้นประมาทพลาดพลั้ง แต่ต่อมากลับเนื้อกลับตัวเป็นสาวกที่ดีเป็นตัวอย่างของอนุชนรุ่นหลังเป็นอย่างดี

คนประเภทนี้เข้าลักษณะ “มืดมา สว่างไป” พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ …