พุทธพยาการณ์เกี่ยวกับพระศรีอาริย์

ความจริงพระศรีอาริย์เคยเกิดมาบนโลกมนุษย์แล้วครั้งหนึ่ง ในสมัยพระพุทธเจ้าปัจจุบัน และเคยเป็นบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าด้วย
ครั้ง ที่พระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดิ์ พระนางปชาบดีโคตมี (พูดง่ายๆ คือแม่ใหม่ของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ ตอนพระพุทธเจ้าประสูติ ได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายา มารดาก็สิ้นพระชนม์ พระเจ้าสุทโธทนะ(พ่อพระพุทธเจ้า) จึงอภิเษกพระนางปชาบดีโคตมีเป็นชายา เป็นแม่นมเลี้ยงเจ้าชายสิทธัตถะมาตั้งแต่เด็ก) shantideva.net
พระ นางปชาบดีโคตมิตั้งใจนำผ้าสาฎก (ผ้าสำหรับห่มเวลาออกนอกบ้าน) ที่ทออย่างประณีตใส่ผอบแก้วถวายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าไม่รับ โดยตรัสให้ไปถวายคณะสงฆ์จะได้กุศลมากกว่า นางจึงถวายแด่พระที่อยู่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า คือพระสารีบุตร (มือขวาพระพุทธเจ้า) พระสารีบุตรก็ไม่รับ ขยับไปหาพระโมคคัลลานะ (มือซ้ายพระพุทธเจ้า) ท่านก็ไม่รับ ถวายไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครรับ จนถึงพระภิกษุใหม่นามว่า อชิตะ ที่นั่งอยู่ท้ายสุด พระอชิตะก็รับผ้านั้นทันที
พระ นางปชาบดีเห็นเช่นนั้น ก็เกิดโทมนัส เสียพระทัย พระพุทธเจ้าทราบเช่นนั้น จึงหาวิธีที่จะช่วยให้นางคลายโทมนัส ด้วยการบอกให้พระอานนท์ไปนำบาตรของพระองค์มา แล้วยื่นพระหัตถ์ให้บาตรนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า และบอกกับสาวกทั้งหมดว่า ให้ไปนำเอาบาตรนั้นมา พระสารีบุตรก็เหาะเหินไปในอากาศด้วยอิทธิฤทธิ์ แต่ก็ไม่พบ พระโมคคัลลานะได้ชื่อว่ามีฤทธิ์มากที่สุด เหาะตามหาก็ไม่พบ ไม่มีสาวกองค์ใดหาบาตรนั้นได้ จนพระพุทธเจ้าตรัสสั่งให้พระอชิตะให้แสดงความสามารถไปนำเอาบาตรทรงของตถาคตมา
พระ อชิตะซึ่งบวชใหม่ กล่าวว่า แม้พระสาวกทั้งหลายยังไม่สามารถนำบาตรมาได้ แล้วพระใหม่ที่ยังไม่ได้บรรลุแม้โสดาบัน ไม่มีอิทธิฤทธิ์อันเกิดจากอภิญญาฌานสมาบัติจะมีปัญญานำบาตรมาถวายได้อย่างไร
แต่ เมื่อพระอชิตะตั้งจิตอธิฐานว่า ตนเองก็พยายามรักษาศีล ประพฤติพรหมจรรย์มิให้ด่างพร้อย ด้วยเดชบุญแห่งความดีนี้ ขอบาตรจงมาประดิษฐานในหัถต์ในบัดนี้ด้วย
ทันใดนั้น บาตรก็ตกลงมาใสหัตถ์ของพระอชิตะ
พระพุทธเจ้าตรัสเป็นพุทธพยากรณ์ว่า
พระอชิตะภิกษุ จะได้ตรัสรู้เป็นพระศรีอริยเมตไตรย์ในอนาคตกาลภายในภัทรกัปนี้
พระนางปชาบดีโคตมะได้เห็นเช่นนั้น ก็ทรงหายโทมนัส starvegas-slot.com
(* พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เมื่อครั้งทรงเสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบส ก็ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโดยพระทีปังกรพุทธเจ้า)