พระอสุรินทราหูเทวโพธิสัตตว์.

ในบรรดาเทพนพเคราะห์ทั้ง ๙ องค์ นั้นมีเพียงพระราหูพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นพระโพธิสัตว์ และได้รับพระพุทธพยากรณ์แล้ว แม้พระอาทิตย์ และพระจันทร์ ผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง ก็มิได้เป็นพระบรมโพธิสัตตว์ ดังเช่น พระราหู เกมส์ยิงปลา

ดังนั้นการนับถือ บูชา พระราหูจึงไม่ใช่การบูชาภูตผีปีศาจ แต่เป็นการบูชาพระโพธิสัตว์ ในรูปกายแห่งเทพอสูร อันเป็นคติสอนให้พิจารณาว่า อย่ามองที่รูปกายภายนอก แม้ว่ารูปกายแห่งพระราหูจะดูดุดันน่ากลัว
แต่คุณธรรมภายในนั้นกลับตรงข้าม

พระราหู เป็นเทพอสูรที่บำเพ็ญบารมี เพื่อบรรลุพระโพธิญาณมานับชาติไม่ถ้วน ภายในจิตใจนั้นมีแต่ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ สิ่งเลวร้ายในชีวิตมนุษย์นั้นไซร้ ย่อมเกิดจากผลกรรมเก่า และใหม่ที่ตนก่อไว้
เมื่อถึงเวลา กรรมนั้นย่อมเป็นไปตามกลไกของมัน
พระราหูเทพอสุรินทร์ เป็นเทพยุเจ้าผู้เป็นพยานแห่งการกระทำกรรมของมนุษย์ หาได้ให้ร้ายใครไม่ !

️ ️ ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ของพระราหูนี้มีมากนัก แม้ว่าต่อมาจะเหลือร่างกายเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ทรงตบะเดชะไม่เป็นสองรองใคร ซ้ำยังสามารถเข้าบดบังดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ได้ ซึ่งอำนาจในการบดบังดวงอาทิตย์นี้ ครูบาอาจารย์บางท่านได้กล่าวสรรเสริญไว้ว่า แม้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ก็ยังมีพระราหูมาบดบังให้เยือกเย็น ท่านจึงว่าพระราหูนั้น มีคุณในการดับร้อนให้เป็นเย็น หรือมีอำนาจในการบังตาเป็นที่น่าอัศจรรย์ !

ในครั้งนั้น พระพุทธองค์ยังได้กล่าวถึงบุพกรรมแต่หนหลังของพระราหูว่า พระราหูเคยตั้งปณิธานไว้ว่า
จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระราหู ทุกภพชาติที่ผ่านมานั้น พระพุทธเจ้าตรัสรับรองว่าจะสำเร็จแน่นอนในอนาคตกาล โดยจะบรรลุ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทำให้พระราหูปลาบปลื้มโสมนัส และมีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ จนตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพื่อพระโพธิญาณให้มากยิ่งขึ้น

ในพระไตรปิฎกยังกล่าวอีกว่า พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า
” พระพุทธนารทตถาคตเจ้า” นับเป็นองค์ที่ ๕ ถัดจาก
” พระศรีอารยเมตไตรพุทธเจ้า”

จากคติดังกล่าวนี้ จึงถือว่าพระอสุรินทราหู นั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่น่าเคารพบูชากราบไหว้ของชาวพุทธ ซึ่งการบูชาพระโพธิสัตว์ เป็นคตินิยมของมหายาน แต่ฝ่ายหินยานหรือในบ้านเรานั้น ก็รู้จักเรื่องพระโพธิสัตว์น้อยมาก

️ ️ พระโพธิสัตว์ บางครั้งมีรูปกายสวยงาม บางครั้งก็มีรูปกายน่ากลัว และสามารถบังเกิดในภพภูมิใดก็ได้

ดังเช่นพระราหู เป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลรักษาพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติ เพื่อสืบพระพุทธสันตติวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมี มหาปณิธานอันยิ่งใหญ่

ดังนั้นจึงสมควรที่จะได้รับการเคารพบูชาเช่นพระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เช่นกัน

ในการอธิษฐานขอบารมีพระราหูที่ถูกต้องนั้น
ให้อธิษฐานอ้างเอาคุณพระรัตนตรัยขึ้นก่อน จากนั้นอธิษฐานถึงพระราหูว่า ขออำนาจบารมี พระอสุรินทราหูเทวโพธิสัตว์เจ้า จงโปรดอำนวยอวยพรแด่ข้าพเจ้า
แล้วจึงทำการอธิษฐาน

ทั้งนี้เพราะพระราหูนั้น มีเพศเป็นแทตย์ และอยู่ในระดับอสูรเทพ และยังมีบารมีธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพระพุทธพยากรณ์จากพระพุทธองค์ ว่าจะต้องสำเร็จมรรคผลโพธิญาณอย่างแน่แท้

พระโพธิสัตว์เจ้า ที่ได้รับพระพุทธพยากรณ์เช่นนี้จากพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์หน่อพุทธางกูรเที่ยงแท้ บำเพ็ญบารมีถึงขั้น “อจลภูมิ ” แล้วจึงได้รับการขนานพระนามเป็นเกียรติว่า “พระบรมโพธิสัตว์” การอธิษฐานอ้างถึงคุณงามความดีของพระราหูดังกล่าว จึงถือเป็นอาราธนาคุณของพระราหูทั้งด้านบุญฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ พร้อมกันในตัว เป็นสิริมงคลแก่ผู้ระลึกถึงเป็นอย่างมาก