ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๓ ประเภท
จำแนกตามความยิ่งหย่อนของปัญญา ศรัทธา และ วิริยะ คือ
๑. ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ ยิ่งด้วยปัญญา สะสมบารมีน้อยที่สุดคือ ๔ อสงไขยแสนกัปป์
๒. ผู้ที่เป็นสัทธาธิกะ ยิ่งด้วยศรัทธา สะสมบารมีปานกลางคือ ๘ อสงไขยแสนกัปป์
๓. ผู้ที่เป็นวิริยาธิกะ ยิ่งด้วยวิริยะ สะสมบารมีมากที่สุดคือ ๑๖ อสงไขยแสนกัปป์
แต่โดยความหมายแห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลายนั้น โดยกำหนดอย่างต่ำ ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลา ๔ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างกลาง ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภาร ตลอดเวลา ๘ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างสูง ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลาถึง ๑๖ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. และข้อแตกต่างกันเหล่านี้ พึงทราบด้วยสามารถแห่งบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ.
อธิบายว่า ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ ย่อมมีศรัทธาอ่อน แต่มีปัญญากล้าแข็ง และต่อจากนั้นไปไม่นาน บารมีก็จะถึงความบริบูรณ์ เพราะความเป็นผู้ฉลาดในอุบาย เป็นภาวะผ่องใส และละเอียดอ่อน.
ผู้ที่เป็นสัทธาธิกะ ย่อมมีปัญญาปานกลาง เพราะฉะนั้น บารมีของพระโพธิสัตว์ผู้เป็นสัทธาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ไม่เร็วเกินไป และไม่ช้าเกินไป.
ส่วนผู้ที่เป็นวิริยาธิกะ ย่อมมีปัญญาน้อย เพราะฉะนั้น บารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้วิริยาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ โดยการเนิ่นนานทีเดียว.
จากข้อความในพระไตรปิก เป็นการบำเพ็ญบารมี หลังจากที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล ผู้ที่ เป็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นปัญญาธิกะก็ต้องบำเพ็ญบารมี 4 อสงไขยแสนกัป ส่วนพระโพธิสัตว์ที่ยิ่งด้วยศรัทธา สัทธาธิกะ ก็ต้องบำเพ็ญบารมี หลังจากได้รับการพยากรณ์แล้ว จากพระพุทธเจ้า เป็นเวลา 8 อสงไขย แสนกัป และพระโพธิสัตว์ ที่ยิ่งด้วย วิริยะ วิริยาธิกะ ก็บำเพ็ญบารมี 16 อสงไขยแสนกัป ครับ
พระพุทธเจ้าของเรา ในปัจจุบัน คือ พระพุทธเจ้า พระสมณโคดม บำเพ็ญบารมีแบบ ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี 4 อสงไขย แสนกัป พระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านี้คือ พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ บำเพ็ญบารมี แบบสัทธาธิกะ อบรม บารมี 8 อสงไขย แสนกัป และ พระพุทธเจ้าในอนาคตกาล คือ พระพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตตรัยบำเพ็ญบารมี แบบวิริยาธิกะ พระองค์บำเพ็ญบารมีมายาวนาน 16 อสงไขยแสนกัป แต่เมื่อได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทุกพระองค์คุณธรรมเสมอกันหมดและ ทุกพระองค์ก็ต้องตรัสรู้ด้วยมีปัญญา เป็นสำคัญทั้งสิ้น ครับ ขออนุโมทนา