สวัสดีค่ะชาวบ้านทุกคนถ้าพูดถึงตำนานเทพเจ้าหลายคนคงนึกถึงเทพปกรณัมกรีกบางคนนึกถึงเทพเจ้าชาวฮินดูเหมือนกัน พี่ชายเวลาพูดถึงเทพเจ้าทีไรพี่ชอบนึกถึงเทพจากฝั่งฮินดูเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะเวลาที่มีเรื่องร้อนใจที่ต้องใช้บนบานศาลกล่าว (ฮา)
เชื่อว่าทุกคนคงรู้เทพเจ้ากรีกและฮินดูเป็นตำนานที่เก่าแก่ที่ได้รับการบอกเล่ากันมาตั้งแต่ 1500 ปีก่อนคริสต์กาลจะมีความแตกต่างกันทั้งในด้านวัฒนธรรมและภาษา ที่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่น้องๆรู้มั้ยว่ามันแตกต่างกันไหม ขอแสดงความยินดีพี่น้องขอแสดงความยินดีกันเปรียบเทียบ 5 เทพเจ้ากรีกกับตำนานอินเดียด้วยกันค่ะแล้วน้องๆจะรู้ว่าระยะทางที่ห่างไกลเป็นพัน ๆ
ซุสกับพระอินทร์
ขอเริ่มต้นด้วยกันที่ราชาสวรรค์เป็นอันดับแรกค่ะขอแสดงความยินดีกับซาอุฯ ต่อหน้าชาวอินเดียไม่น้อยหน้าพิมพ์ ซูสเป็นราชาที่ปกครองเทพสวรรค์บนเกาะลิมิเต็ดส่วนหนึ่งของพระอินทร์
เมื่อพูดถึงพลังแห่งเทพเทพผู้สามารถควบคุมปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าและได้รับการปลดปล่อยออกมาเป็นพายุฝนฟ้าคะนองความมืดฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่าอะไรที่แย่มาก ๆ เพราะท่านยังคงได้รับความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งฝนที่จะส่งผลให้เกิดสงครามกลางเมืองเช่นกัน คือท่านสามารถบันดาลให้เกิดภัยทางธรรมชาติที่ร้ายแรงได้! ฝนตกฟ้าแลบฟ้าผ่ามาแล้วค่ะเพราะงั้นหากสภาพอากาศบ้านเราแปรปรวนก็รู้ว่าใครเป็นคนทำอิอิอิ
ในขณะที่เทพที่มีพลังเหมือนกันอาวุธเหมือนกันมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยซุสมีสายฟ้าพระอินทร์มีวัชระ (ก็คือสายฟ้า) คุณสมบัติพิเศษยังช่วยให้เกิดความเสียหาย
แต่ช้าก่อน ความเหมือนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ “พฤติกรรม” ของท่านเทพทั้งสองนี่แหละนั้นราวกับ copy paste เลยค่ะ ซุสขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อและมีสาวๆ ในสต็อกเพียบ พระอินทร์ก็เช่นกัน ไปที่ไหนก็มีสาวๆ ควง เฮ้อ พูดยาก ผู้ชายก็คือผู้ชายเนอะ อะไรจะเหมือนกันขนาดนี้ แหม ไม่เหมือนอย่างเดียวคือสีผิวนี่แหละจ้า ^ ^
โพไซดอน vs. พระพิรุณ
เมื่อมีราชาแห่งสรวงสวรรค์แล้ว ก็ต้องขอส่งราชาแห่งท้องทะเลเข้าสู้สักหน่อย ทั้งโพไซดอนแห่งกรีกและพระพิรุณแห่งฮินดูเป็นเทพเจ้าที่โดดเด่น เทพโพไซดอนเป็น “สมุทรเทพ” เพราะปกครองทะเลและผืนน้ำ สามารถทำให้น้ำแห้งแล้งและเกิดแผ่นดินไหวได้ด้วย พาหนะประจำพระองค์คือม้าน้ำเทียมรถ ตัดภาพมาที่พระพิรุณ ในคัมภีร์พระเวทกล่าวว่าท่านไม่เพียงแค่ดูแลมหาสมุทรเท่านั้น แต่ยังดูแลอากาศอีกด้วย พระพิรุณสามารถดลบันดาลให้ฝนตกได้ถ้าต้องการ พาหนะของท่านคือพญานาค เห็นมั้ยว่าท่านเทพทั้งสองมีพาหนะเป็นสัตว์น้ำทั้งคู่!
ยิ่งไปกว่านั้น พระบิดาและพระมารดาของท่านเทพทั้งสองมีส่วนที่คล้ายคลึงกันมาก กล่าวคือ พระกัศยปเทพบิดร พระบิดาของพระพิรุณได้ให้กำเนิดเชื้อสายในตำนานของชาวอินเดีย รวมทั้งเทพเจ้า ผี ปีศาจและเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในทำนองเดียวกันโครนัสเองก็ให้กำเนิดเชื้อสายในตำนานเทพเจ้ากรีกมากที่สุดด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งความจริงที่น่าสนใจ ชื่อโรมันของโพไซดอนคือ “เนปจูน” ที่หมายถึงดาวเนปจูน และดาวเนปจูนในภาษาฮินดีก็คือ “Varuna (วรุณ/พิรุณ)” เหมือนขนาดนี้เป็นคนเดียวกันเลยป่าวเนี่ย อิอิ
อาเธน่า vs. พระแม่สรัสวดี
ครั้งหนึ่งเพื่อนของพี่เคยแนะนำให้ไปไหว้พระแม่สรัสวดี นางให้เหตุผลว่านี่คือเทวีแห่งสรรพความรู้ ปัญญาและศิลปะวิทยาการ ชวนให้พี่นึกถึงเทพีอาเธน่าที่เป็นเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาจากฝั่งปกรณัมกรีกเลยทีเดียว พี่คิดว่าเทพสององค์นี้มีความคล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง แม้ว่าเทพีอาเธน่าจะพ่วงตำแหน่งเทพแห่งสงครามและความยุติธรรมด้วยก็เถอะ
จุดที่น่าสนใจอยู่ที่ “การถือกำเนิด” ของท่านเทพีทั้งสอง เทพีอาเธน่านั้นกระโดดออกจากศีรษะของซุสที่ถูกผ่า ฉลององค์หุ้มเกราะแวววับพร้อมถือหอกเป็นอาวุธ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเทพีอาเธน่าถึงกลายเป็นเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา
ขณะที่พระแม่สรัสวดีนั้นถือกำเนิดด้วยการกระโดดออกจากปากของพระพรหม ท่านฉลององค์ด้วยชุดขาวห่มขาว ในมือมีหนังสือและเครื่องดนตรีวีณา พระแม่สรัสวดีถือเป็นตัวแทนแห่งปัญญาที่พระพรหมสร้างขึ้นเพื่อหยุดความวุ่นวายของเหล่ามวลมนุษย์ ตอนถือกำเนิด พระแม่ได้ตรัสว่า ‘ความรู้จะช่วยให้มนุษย์พบทางสว่างในการแก้ไขปัญหา’ ดังนั้นนอกจากท่านเทพีทั้งคู่จะเป็นเทพแห่งความรู้เหมือนกันแล้ว วิธีการกำเนิดยังถือว่าไม่ปกติเหมือนกันด้วยค่ะ
เฮอร์มีส vs. พระนารท
ถัดมาคือเทพเจ้าที่คนเชื่อว่าแทบจะเป็นตัวตายตัวแทนกันเลยทีเดียว เนื่องจากทั้งคู่มีความเหมือนกันมากจริงอะไรจริง เฮอร์มีสเป็นเทพที่มีหน้าที่หลากหลาย ตั้งแต่พาวิญญาณไปสู่โลกความตาย เป็นพนักงานส่งสารของซุส แถมยังเป็นเทพที่คุ้มครองเรื่องการเดินทาง การพาณิชย์ และขโมย! #เป็นเยอะขนาดนี้เชื่อแล้วว่าเป็นทุกอย่างจริงๆ
เฮอร์มีสรวดเร็ว ว่องไวและเจ้าเล่ห์ บ่อยครั้งที่ท่านเทพองค์นี้ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมในการเอาชนะคนอื่นเพราะเห็นแก่มนุษยชาติ นอกจากนี้เทพเฮอร์มีสยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเทพที่คิดค้นดาราศาสตร์และดนตรี เขาได้ประดิษฐ์พิณที่ทำจากกระดองเต่าที่เรียกว่า ไลร์ (Lyre) แล้วมอบให้เทพอะพอลโลเพื่อดับความโกรธของอะพอลโล
ตัดภาพไปที่พระนารทจากตำนานอินเดีย บอกเลยว่าแทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเทพเฮอร์มีสสักนิดเดียว ในฝั่งฮินดู พระนารทเป็นเปรียบเสมือนบุรุษไปรษณีย์ ผู้สื่อข่าวและคนส่งสาร! เนื่องจากท่านไม่เคยเก็บความลับอยู่ คนทั่วเมืองจึงรู้หมดว่าใครกิ๊กกับใคร ใครวางแผนขโมยอะไร แถมนิสัยยังคล้ายๆ กับเทพเฮอร์มีสด้วย
พระนารทชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมและก่อความวุ่นวายเล็กๆ (?) ท่านจึงมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ของอินเดียมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความเร็วและความว่องไวในการเคลื่อนตัว เช่นเดียวกับเทพเฮอร์มีส พระนารทมีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีและประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่ชื่อว่า “วีณา” ที่พระแม่สุรัสวดีทรงถือจ้า บอกแล้วว่าเหมือนอย่างกับถอดแบบกันมา!
อีรอส vs. กามเทพ
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือศาสนาใดก็ตาม โลกจะไม่มีวันสมบูรณ์เลยหากปราศจากความรัก ใช่แล้วค่ะ เพราะเทพทั้งคู่ที่เราจะมาเปรียบเทียบกันคือเทพแห่งความรัก ><
ในตำนานเทพเจ้ากรีก อีรอส หรือ คิวปิด หรือที่เรารู้จักดีในนาม “กามเทพ” นั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก รูปปั้นหรือภาพวาดส่วนใหญ่มักเป็นชายหนุ่มหล่อเหลามีปีก ในมือมีธนูที่เขามักใช้ยิงเพื่อทำให้คนตกหลุมรัก
ทำนองเดียวกัน ถ้าพูดถึงเทพเจ้าทางฮินดูที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก คนส่วนใหญ่คงนึกถึงพระตรีมูรติหน้าเซ็นทรัลเวิล์ด ทั้งที่ความจริงแล้วเทพเจ้าแห่งความรักที่แท้ทรูหาใช่พระตรีมูรติไม่ แต่เป็นกามเทพต่างหาก แถมชื่อกามเทพจริงๆ ไม่มีโกหก
กามเทพเหมือนกับคิวปิด เขาหล่อเหลา มีปีก น่าหลงใหล และชอบบินอยู่หลังนกแก้ว อาวุธประจำกายคือธนูที่ทำมาจากต้นอ้อยและศรที่ทำจากดอกไม้ (หวานแหววไปอีก) หน้าที่หลักก็เหมือนกับอีรอสนั่นแหละค่ะ ทำให้คนดื่มด่ำในความรักด้วยศรของเขานั่นเอง โอ้โห ทั้งรูปร่างหน้าตาหน้าที่เหมือนอย่างกับ copy paste เลยทีเดียว
พออ่านมาจนจบ น้องๆ รู้สึกเหมือนพี่มั้ยคะว่าสองตำนานนี้มีความเหมือนบางอย่างซ่อนอยู่ ชวนให้เราเกิดคำถาม เป็นไปได้มั้ยที่วัฒนธรรมในโลกมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ พี่น้ำผึ้งเชื่อว่าความคล้ายคลึงกันเหล่านี้แหละได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่ามนุษย์ทุกคนทั่วโลกมีความเหมือนกัน ^^ แล้วน้องๆ ล่ะคะคิดว่ายังไง?
