บุคคลสำคัญทางพระพุทธศาสนา !!

March 19, 2020 shantideva edit 0

พระพุทธทาสภิกขุ (พุทธทาสอินทปัญโญ) พุทธทาสภิกขุหรือพระธรรมโกศาจารย์ นามเดิมเงาะพานเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในวันอาทิตย์ที่ ๒๙๔ พ.ย. ๔๔ พรรษาพานเรียงอ. ไชยาจ. สุราษฎร์ธานีอุปถัมภ์เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคมพ. ศ. .๒๔๖๗ สำเร็จการศึกษาชั้นน. ธ . เอก, ป.ธ. ๓ ได้รับการจัดสวนที่อ. ไชยาเมื่อวันที่ ๑๒ พ.ค. ๒๒๔๗๕ และหันมาใช้นามปากกา “พุทธทาส” แทนนามเดิม แต่ท่านมาแล้วพุทธทาสภิกขุอุทิศตนรับการปล่อยตัวจากการแผ่รังสีแห่งศาสนาอิสลาม วันพฤหัสบดีที่ ๓ คำสอนอันโดดเด่นของท่านคือเรื่อง “การปล่อยวาง” ผลงานอันยิ่งใหญ่ของท่านคืองานนิพนธ์ชุด “ธรรมโฆษณ์” พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภทฺโท) พระโพธิญาณเถระ หรือ หลวงปู่ชา สุภัทโท นามเดิม ชา ช่วงโชติ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๑ ณ บ้านก่อ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๒ ณ วัดก่อใน ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อุปสมบทแล้วท่านได้อุทิศตนศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง แล้วจึงจาริกออกปฏิบัติธรรมตามป่าเขาลำเนาไพร จนเมื่อได้เวลาอันสมควร คือ พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงกลับมาก่อตั้งวัดหนองป่าพง ซึ่งเป็นวัดป่าฝ่ายอรัญวาสีที่บ้านเกิด โดยมีท่านเองเป็นเจ้าอาวาส พร้อมทั้งได้เริ่มงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา แก่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และได้ก่อตั้งวัดป่านานาชาติเพื่อเป็นวัดนานาชาติสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการบวชในพระพุทธศาสนา นับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันวัดหนองป่าพงมีสาขาอยู่ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก รวมแล้วไม่น้อยกว่า ๒๐๐ สาขา หลวงปู่ชามรณภาพเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ นับว่าเป็นพระมหาเถระที่มีผลงานทางด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้านวิปัสสนาธุระที่โดดเด่นที่สุดรูปหนึ่งของสังคมไทยปัจจุบัน พระพิศาลธรรมพาที (พยอม กัลยาโณ) พระพิศาลธรรมพาที (พยอม กัลยาโณ) นามเดิม พยอม จั่นเพชร เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๔๙๒ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี บรรพชาเมื่อ เมษายน ๒๕๐๒ และอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๓ ณ วัดสังวรณ์วิมลไพบูรย์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สำเร็จการศึกษา น.ธ.เอก ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ และได้ไปจำพรรษาอยู่กับท่านพุทธทาสที่สวนโมกขพลารามในการปฏิบัติธรรม แล้วจึงได้กลับมาทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพัฒนา วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักเทศน์และพระผู้เสียสละ ดังกวีนิพนธ์ โดย อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พระผู้สร้างผู้ทำนำคนทุกข์ ให้รู้ทางสร้างสุขพึ่งตนได้ เอาเหงื่อต่างน้ำมนต์พ้นพิษภัย เอาชนะทุกข์ได้ด้วยการงาน เป็นที่พระพิศาลธรรมพาที เป็นพระดีที่รักของชาวบ้าน ไม่ออกนอกแก่นธรรมนอกตำนาน ท่านอาจารย์พระพยอม กัลยาโณ ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสิ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นามเดิมว่า เทสก์ เรี่ยวแรง เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ ปีขาล ณ บ้านสีดา ตำบลกลางใหญ่ จังหวัดอุดรธานี บิดาชื่อ อุส่าห์ เรี่ยวแรง เดิมเป็นชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เมื่ออายุ 16 ปี หลวงปู่เทสก์ ได้ติดตามพระอาจารย์สิงห์ รอนแรมไปในป่า เป็นเวลาเดือนกว่า จึงถึงเมืองอุบลฯ หลวงปู่ไปบรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์ลุย บ้านดงเค็งใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรชาแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบนักธรรมชั้นตรี ได้ในปีที่มีอายุครบ ๒๐ และวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๖๖ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสุทัศน์ อำเภอเมือง อุบลราชธานี โดยมี พระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี นับเป็นลูกศิษย์ ที่สำคัญยิ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตโต องค์หนึ่ง ท่านได้อุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมด้วยชีวิตเป็นเดิมพัน หลวงปู่ฯ ได้บำเพ็ญกรณียกิจ …..อ่านต่อ

พระกุมารกัสสปเถระ พระธรรมกถึกที่สามารถเทศนากลับใจคน

July 12, 2019 shantideva 0

พระกุมารกัสสปเถระ เป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการเทศนากลับใจคนที่มีมิจฉาทิฐิให้เข้าใจถูกต้อง ท่านรูปนี้มีชีวิตค่อนข้างพิสดารก่อนที่จะมาบวช ท่านเป็นบุตรนางภิกษุณี นางภิกษุณีผู้เป็นมารดาของท่านตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัวมาก่อนบวช บวชมาแล้ว เมื่อครรภ์โตขึ้นปรากฏต่อสายตาประชาชน พระเทวทัตผู้ดูแลภิกษุณีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีมารดาของท่านรวมอยู่ด้วย ได้ตัดสินใจให้ท่านลาสิกขาโดยไม่สอบถามรายละเอียด นางภิกษุณีเชื่อมั่นว่าตนบริสุทธิ์ จึงอุทธรณ์เรื่องต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระอุบาลีเป็นประธานพิจารณา ท่านพระอุบาลีจึงขอแรงนางวิสาขาและอนาถบิณฑิกเศรษฐี ช่วยคลี่คลายคดี พระกุมารกัสสปเถระ นางวิสาชา จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียด และตรวจดูความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย มีมติว่านางตั้งครรภ์ก่อนบวช นำความกราบเรียนพระเถระ พระเถระอาศัยข้อมูลนั้นเป็นหลักฐานประกอบคำวินิจฉัย ตัดสินให้นางภิกษุณีบริสุทธิ์ เมื่อนางคลอดบุตรมาก็เลี้ยงดูในวัดนั้นเอง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปพบเข้า จึงขอไปเลี้ยงเป็นโอรสบุญธรรม กุมารน้อย จงมีชื่อว่า กุมารกัสสปะ (กัสสปะ ผู้เป็นพระกุมารในพระราชวัง) เมื่อเติบโตมารู้เบื้องหลังชีวิตของตนเอง จึงสลดใจไปบวชเป็นสามเณร ปฏิบัติธรรมจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ข้างฝ่ายภิกษุณีมารดา มัวแต่คิดถึงลูก การปฏิบัติธรรมจึงมิได้ก้าวหน้าแม้แต่น้อย วันหนึ่งเห็นสามเณรบุตรชายขณะออกบิณฑบาต จึงรี่เข้าไปหา ร้องเรียกลูก สามเณรอรหันต์คิดว่า ถ้าพูดดีๆ กับแม่ แม่ก็จะไม่สามารถตัดความรักฉันแม่กับลูกได้ การปฏิบัติธรรมก็ไม่ก้าวหน้า จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “อะไร จนป่านนี้แล้ว แค่ความรักระหว่างแม่กับลูกยังตัดไม่ได้ จะทำอะไรได้สำเร็จ” ว่าแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ภิกษุณีผู้มารดาเป็นลมสลบ ณ ตรงนั้น ฟื้นขึ้นมาก็ “ตัดใจ” ว่า เมื่อลูกไม่รักเราแล้ว เราจะมัวคิดถึงเขาทำไม กลับสำนักภิกษุณีคร่ำเคร่งปฏิบัติภาวนา ไม่ช้าไม่นานก็บรรลุพระอรหัต เป็นอันว่าสามเณรหนุ่มได้ช่วยพามารดาของท่านลุถึงฝั่งแล้ว เมื่ออายุครบบวชก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านได้ฟังพระโอวาทของพระพุทธองค์เรื่องปริศนาธรรม ๑๕ ข้อ (วันมิกสูตร) ได้บรรลุพระอรหัต เข้าใจว่าในช่วงท้ายๆ พุทธกาล เพราะคัมภีร์บันทึกว่า หลังพุทธปรินิพพานไม่นานนัก มีเจ้านครเสตัพยะ นามว่า ปายาสิ มีความเห็นผิดอันเป็นภัยร้ายกาจต่อพระศาสนาและระบบศีลธรรมจรรยา คือ เธอเชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง บุญบาปไม่มี ชาติก่อนชาติหน้าไม่มี ปายาสิเธอเป็นนักพูด มีวาทะคารมคมคาย จึงสามารถหักล้างสมณพราหมณ์ได้เป็นจำนวนมาก พระเถระอรหันต์หลายต่อหลายรูป ท่านก็หมดกิเลสเท่านั้น ไม่มีปฏิภาณปัญญาจะไปโต้ตอบกับเธอได้ จึงถอยห่างออกไป พระกุมารกัสสปะจึงไปโต้วาทะกับปายาสิราชันย์ ใช้เหตุใช้ผลอธิบายประกอบอุปมาอุปไมย ในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ของปายาสิ ในที่สุดปายาสิยอมจำนน ปฏิญาณตนเป็นอุบาสกอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา (ดูรายละเอียดใน ปายาสิราชัญญสูตร – ที.ม. ๑๐/๑๐๓-๑๓๐) เจ้าปายาสิเชื่อว่านรกไม่มี สวรรค์ไม่มี โดยทดสอบจากชีวิตจริงของคน คือสั่งนักโทษประหาร (ที่แน่ใจว่าตายแล้วต้องตกนรกแน่ เพราะทำกรรมชั่วไว้มากมาย ดังสมณพราหมณ์ทั้งหลายกล่าวสอนกัน) ว่า ถ้าตายไปตกนรกจริงก็ให้กลับมาบอก นักโทษคนนั้นรับปากแล้วก็ไม่เห็นกลับมาบอก จากนั้นก็ทดลองเช่นเดียวกันกับอุบาสกผู้มีศีลธรรมว่า หลังจากไปเกิดในสวรรค์แล้วให้กลับมาบอก ก็ไม่กลับมาบอกเช่นเดียวกัน โดยวิธีนี้เจ้าปายาสิจึงสรุปว่า นรกไม่มี สวรรค์ก็ไม่มี พระเถระอธิบายโดยยกอุปมาอุปไมยว่า เพียงแค่นักโทษประหารจะขออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปสั่งเสียลูกเมีย แล้วจะกลับมาให้ประหารทางการก็ไม่อนุญาต นักโทษประหารมีมีอิสระเสรีภาพจะไปไหนได้ตามชอบใจ สัตว์นรกยิ่งกว่านั้น หาโอกาสจะไปไหนไม่ได้ ถึงเขาไม่ลืมคำมั่นสัญญา เขาก็ไม่สามารถกลับมาบอกได้ฉันใด ฉันนั้น ครั้นถูกแย้งว่า สัตว์นรกไม่มีอิสระก็พอฟังขึ้น แต่คนที่ตายไปเกิดบนสวรรค์มีอิสรเสรีเต็มที่ แต่ทำไมยังไม่มาบอก เหตุผลที่พระเถระยกมากล่าวในข้อนี้ คือ กำหนดระยะเวลาบนสรวงสวรรค์นั้นช้ากว่าในโลกมนุษย์ (ว่ากันถึงขนาดว่า วันหนึ่งคืนหนึ่งของเทวดาเท่ากับหนึ่งร้อยปีของโลกมนุษย์) ถึงแม้เขาไม่ลืมคำมั่นสัญญา เพียงคิดว่า รอสักครู่ค่อยกลับไปบอก “สักครู่” ของเทวดา ก็เป็นสิบเป็นร้อยปี พระกุมารกัสสปะตอบคำถาม หักล้างความคิดเป็นของเจ้าปายาสิ ท่านใช้หลายวิธี เช่น อธิบายตรงๆ ยกอุปมาอุปไมย หรือใช้วิธีอนุมาน จึงสามารถทำให้นักปราชญ์อย่างเจ้าปายาสิยอมรับและถวายตนเป็นอุบาสกอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในเวลาต่อไป นัยว่าท่านพระกุมารกัสสปะ ได้ทำประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาอย่างมหาศาล ท่านดำรงชีวิตจนถึงอายุขัยแล้วนิพพาน

พระแม่กาลี เทวีผู้ทรงมหิทธา

May 31, 2019 shantideva 0

พระแม่กาลี ได้แบ่งภาคจากการบำเพ็ญตบะของ พระอุมาเทวี (พระแม่อุมา) โดยทรงมีจุดประสงค์เพื่อปราบอสูรตนหนึ่ง นามว่า อสูรทารุณ ความเป็นมามีอยู่ว่า อสูรทารุณนี้แม้ว่าจะถูกฆ่าสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันตาย แล้วที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นเรื่อยไปไม่หมดสิ้น ความที่คิดว่ามีอิทธิฤทธิ์มากมาย ฆ่าไม่ตาย จึงทำให้อสูรทารุณเกิดฮึกเหิมในความเก่งกาจของตน จึงนำอิทธิฤทธิ์ ความเก่งกาจมาใช้ในการกลั่นแกล้ง รังแกผู้คน เทวดาทั่วไป สุดท้ายก็คิดจะครอยครองโลกทั้งสาม เมื่อเป็นดังนี้แล้วเหล่าเทวดา นางฟ้า ผู้ทรงศีลทั้งมวล จึงต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อหาทางปราบอสูรตนนี้ เหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้ฟังสรรพคุณของอสูร ก็ไม่มีใครกล้าอาสาออกไปสู้รบเลย จนในที่สุด องค์พระศรีมหาอุมาเทวี เทพสตรีแห่งสวรรค์ ได้มีความประสงค์ที่จะออกปราบศัตรูร้าย ซึ่งพระองค์ได้ขอพรขอต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบศัตรูร้ายได้ โดยได้กระทำพิธีในอุทยานเขตแดนป่าหิมพานต์ โดยพระศรีมหาอุมาเทวีได้ทรงมอบหมายให้องค์ขันทกุมาร (หรือ พระสกันทะ ซึ่งเป็นโอรสอีกองค์หนึ่งของพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี) รับหน้าที่ดูแลไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไปในพิธีได้โดยเด็ดขาด

พระแม่ทุรคา

May 30, 2019 shantideva 0

พระแม่อุมาเทวี… เจ้าแม่อุมา หรือ ปารวตี คือพระนามแห่งพระแม่ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล เป็นเทวีแห่งอำนาจวาสนาและบารมีอันสูงสุด พระองค์ทรงประทานยศถาบรรดาศักดิ์ และความเป็นใหญ่แก่ผู้หมั่นบูชาต่อพระองค์อย่างสม่ำเสมอ..!!! อำนาจแห่งพระแม่อุมานั้น ยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเทียบได้ พระองค์ทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรู ประทานกำลังวังชาแห่งอิสตรี ทำลายสิ่งชั่วช้า ตลอดจนประทานบริวารและอำนาจในการปกครอง พระองค์ยังทรงประทานพรด้านความสมบูรณ์ ความอิ่มเอม ความผาสุขในการครองเรือน ครอบครัวที่เปี่ยมสุข ตลอดจนการคุ้มครองผู้ศรัทธาให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง พระแม่อุมา ทรงเป็นมารดาแห่ง พระพิฆเนศ… เป็นชายาแห่ง พระศิวะ มหาเทพผู้ทำลายโลก 1 ใน 3 แห่ง พระตรีมูรติ พระแม่อุมาจึงเป็น 1 ใน 3 แห่งพระตรีศักติ ด้วย (ตรีศักติ หมายถึง พระแม่ทั้งสาม ได้แก่ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี) พระองค์มีวิมานสถิต ณ เขาไกรลาส เช่นเดียวกับพระศิวะเทพ มีสัญลักษณ์ประจำพระองค์คือ โยนี (ฐานรองศิวลึงก์) มีทิพยรูปเป็นหญิงที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยความเมตตา เป็นมารดาแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์หลากสีสัน ประดับด้วยทองคำอย่างวิจิตร คาสิโนออนไลน์

หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว จะมีผู้ไปเห็นพระพุทธเจ้าได้หรือไม่ ?

May 29, 2019 shantideva 0

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.

100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร

May 28, 2019 shantideva 0

“.. ชีวิตที่ตกอยู่ใต้อำนาจความโลภ ความโกรธ ความหลง แสวงหาอำนาจวาสนาบารมีทรัพย์สินเงินทอง อย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ไม่คำนึงถึงศีลธรรมใด ๆ ชื่นชมสมใจแล้วมิใช่ว่าจะยั่งยืน จะชื่นชมสมปรารถนาไปได้อย่างมากก็ชั่วอายุร้อยปี แล้วก็หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ทิ้งชื่อเสียงที่เน่าเหม็นไว้ให้คนโจษขาน พาแต่จิตดวงเดียวร่อนเร่ไป ทำกรรมไม่ดีไว้ก็จะไปพร้อมกับจิตที่ห่อหุ้มด้วยความไม่ดี ไปสู่ทุคติ ภพภูมิที่ไม่ดี ภพภูมิที่มีแต่ความทุกข์ จิตดวงเดียวที่ปราศจากอำนาจวาสนาบารมีทรัพย์สินเงินทอง ที่เมื่อมีชีวิตในชาตินี้กอบโกยไว้ด้วยอำนาจกิเลส จักท่องเที่ยวทุกข์ร้อนไปนานนักหนา นับกาลเวลาหาได้ไม่ นับภพชาติหาถูกไม่ ในทุคติ คาสิโนออนไลน์ ชีวิตที่ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจความโลภ ความโกรธ ความหลง มั่นคงอยู่ในความดี มีศีลมีธรรม จะร่มเย็นเป็นสุขชั่วกาลนาน ความสุขที่จักไม่สิ้นสุดลงพร้อมกับชีวิตนี้ที่น้อยนัก ที่มีเวลาเพียงร้อยปีเท่านั้นโดยประมาณ จิตดวงเดียวที่พรั่งพร้อมด้วยบุญกุศล จักท่องเที่ยวเบิกบานไปนานนักหนา นับกาลเวลาหาได้ไม่ นับภพชาติหาถูกไม่ ในสุคติ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ พ้นการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป อันเป็นจุดสูงสุดในพระพุทธศาสนาที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงนำไปแล้ว และทรงแสดงแจ้งทางไว้ให้แล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยพระมหากรุณาหาที่เปรียบมิได้ พุทธสาวกทั้งหลายได้ตามเสด็จไปถึงจุดหมายอันเป็นบรมสุขนั้นแล้วมากมีทั้งในสมัยพุทธกาลและในปัจจุบันนี้ ทั้งยังจะสืบต่อไปในอนาคตกาลนานไกล ตราบที่ยังมีผู้ใส่ใจปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อยู่ ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด .. “

พระขันธ์กุมาร เทพเจ้าแห่งนักรบ

May 27, 2019 shantideva 0

เทวกำเนิดของ พระขันทกุมาร นั้น มีไม่มากเหมือนเทพเจ้าองค์อื่นๆ กล่าวกันว่า พระขันทกุมารนี้เป็นหนุ่มรูปงาม มี 6 พักตร์ (บางแห่งวาดเป็นพระพักตร์เดียว) และมี 12 กร ผิวพรรณนั้นงดงามดั่งจันทร์คืนเพ็ญ แต่สง่างามดุจพระสุริยะเทพ การกำเนิดของพระขันทกุมารนั้นก็เพื่อปราบอสูรที่ชื่อ ตาระกาสูร เป็นกษัตริย์แห่งแคว้นตรีปุระ อสูรตนนี้มีตบะแรงกล้ามาก สามารถบำเพ็ญฌานบารมีจนร้อนไปถึงพรหมโลก ทำให้จักรวาลสั่นสะเทือนโกลาหลไปหมด กษัตริย์อสูรตนนี้ไม่เกรงพระบารมีของมหาเทพผู้สร้าง (พระพรหม) คิดว่าตนเองก็เป็นหนึ่งเหมือนกัน การบำเพ็ญฌานบารมีนั้นทำให้ พระพรหม ทนความร้อนไม่ไหว ต้องเสด็จมาประทานพรตามที่อสูรปรารถนา เหตุที่บอกว่าอสูรตาระกามีตบะแรงกล้านั้น เพราะได้ทำสมาธิอย่างเข้มงวดเป็นเวลายาวนานกว่า 100 ปีสวรรค์ ทำให้พรที่อสูรตนนี้ขอไว้กับพระพรหมคือขอให้มีชีวิตเป็นอมตะ แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดในตรีภพเทียบได้ และไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้นอกเสียจากโอรสของพระศิวะเทพ ที่ขอพรไปเช่นนั้นเพราะล่วงรู้ว่าขณะนั้นพระศิวะกับพระแม่อุมาเทวียังไม่มีโอรสด้วยกันเลย

มหายาน หรือ นิกายเหนือ

May 26, 2019 shantideva 0

แม้จะมีศีลเหมือนกันแต่บางสาขาของนิกายไม่มีศีลเลย คงมีแต่ธรรมเท่านั้น ซึ่งมุ่งเป็นพระโพธิสัตว์ผู้มีหน้าที่ปลดทุกข์ให้แก่สัตว์ โลก นิกายฝ่ายเหนือตำหนินิกายฝ่ายใต้ว่าเห็นแก่ตัว ใจแคบ เพราะสอนว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ความบริสุทธิ์เป็นของใครของมัน คนอื่นเป็นที่พึ่งไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือ สอนให้เอาตัวรอดอย่างที่เรียกว่า ตัวใครตัวมัน สอนปัญญาว่าเลิศเป็นเครื่องมือระงับทุกข์แก่ตนเอง เมื่อปัญญานั้นปราศจากกรุณาแล้ว ปัญญาก็เป็นเครื่องมือที่ไร้ประโยชน์สำหรับคนอื่น คงเป็นประโยชน์แก่ตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ท่านอาจารย์ใหญ่ฝ่ายนิกายเหนือชื่อ ศานติเทวะ เกิด พ.ศ. ๑๒๓๔ ได้บรรยายถึงจิตใจของผู้เป็นพระโพธิสัตว์ “ข้าพเจ้าจะเป็นยารักษาคนไข้ จนกว่าความเจ็บไข้จะหมดไป ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ดับความหิวกระหายด้วยอาหาร และเครื่องมือ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นคลังพัสดุสำหรับคนยากจน อย่างไม่รู้หมด และแจกจ่ายพัสดุต่าง ๆ แก่คนยากจนตามความจำเป็นชีวิต ความอิ่มใจ ความดีที่ได้สร้างสมมาในชาติอดีต ปัจจุบันและอนาคตของข้าพเจ้า ขออุทิศให้ด้วยความเต็มใจเพื่อสรรพสัตว์จะได้บรรลุจุดหมายแห่งชีวิตของตน” คาสิโนออนไลน์

ตำนานเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร

May 25, 2019 shantideva 0

ตำนานเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรนำเสนอเรื่องเล่าอีกหนึ่งเรื่องประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรมีพระอมิตถะพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธิบนม้วยผม พระพักตร์ยาวอวบอิ่ม พระกรรณยาว แต่งกายแบบจีนโบราณ อุ้มเด็กประคองแนบพระอุระด้านขวา ประทับยืนท่ามกลางบึงบัว เด็กทารกที่ทรงอุ้มนั้น ในมือเด็กถือแจกันในมือซ้าย มือขวากำแน่น ประวัติ / ตำนาน / ความสำคัญ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรนั้นก็มีเรื่องที่เล่าต่อกันมาเหมือนกัน โดยเมื่อนานมาแล้ว ที่มณฑลฮกเกี้ยน มีวัดลัทธิเต๋าอยู่แห่งหนึ่ง เต๋าซือในวัดได้คิดจะทำยาอายุวัฒนะขึ้นมา ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วจะอายุยืนและไม่แก่เฒ่า แต่จะต้องใช้หัวใจของเด็กผู้ชายจำนวน ๑๐๐ ลูก มาผสมปรุงเป็นยา เต๋าซือจึงลงจากเขาและจับเด็กชายจำนวน ๑๐๐ คนมาขังไว้ในห้องมืดเพื่อเตรียมนำหัวใจมาปรุงยาในคืนนั้นเององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งกำลังเสด็จข้ามสะพานเมืองฉวนโจวที่สร้างเชื่อมไปสู่เกาะผู่โถวซาน ได้ยินเสียงร้องของเด็ก ๆเหล่านั้น เลยลงจากดอกบัวมาดู และได้ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้น ภายหลังพระโพธิสัตว์กวนอิมจะพาเด็กๆไปส่งบ้าน แต่เด็กเหล่านั้นยังเล็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน จึงนำเด็กๆเหล่านั้นไปให้เจ้าเมืองฉวนโจว และชาวบ้านผู้ไม่มีบุตรได้รับไปเลี้ยงดู เรื่องเล่าดังกล่าวน่าจะเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า หากใครต้องการมีบุตรมักนิยมไปไหว้ขอจากองค์เจ้าแม่กวนอิม

โพธิสัตตวจรรยาวตาร

May 24, 2019 shantideva 0

โพธิสัตตวจรรยาวตาร ( Introduction to Bodhicaryavatara ) นี่ อาจารย์ ศานติเทวะ(Santideva) เป็นผู้รจนาขึ้นโดยขณะที่รจนานั้น อาจารย์ศานติเทวะมิได้รจนาด้วยความรู้สึกเย่อหยิ่งภาคภูมิใจในความรู้ของตนเลย แต่กลับรจนาขึ้นด้วยความคิดเพียงแค่จะเอื้อประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ดังนั้นกล่าวได้ว่า “โพธิสัตตวจรรยาวตาร” นี้เหมาะกับทุกคน เพราะหากผู้รจนาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของตนแล้ว คำอธิบายทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจกล่าวได้เหมาะสมกับคนทุกระดับ  คาสิโนออนไลน์ และในโอกาศที่ “โพธิสัตตวจรรยาวตาร” อันมีความหมายว่าแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตของพระโพธิสัตต์ ในฉบับภาษาไทยที่ รศ.ดร ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ได้แปลไว้อย่างสมบูรณ์ตามพรที่ได้รับมาจากองค์ทาไลลามะ ซึ่งประทานหนังสือเล่มนี้ให้ ได้นำมาตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้คนไทยได้มีโอกาศอ่านงานของโพธิสัตต์มรรคชั้นเลิศทีได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยได้อย่างงดงามสมบูรณ์โดยอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ ดังนั้นในโอกาสนี้จึงขอเขียนและกล่าวถึง “โพธิสัตตวจรรยาวตาร” โดยย่อพอให้เห็นภาพรวม เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านฉบับสมบูรณ์ของอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ได้ต่อไป

ศิวะมหาเทพ: การบูชา

May 17, 2019 shantideva 0

การบูชาพระศิวะ โต๊ะ หรือแท่นบูชา สามารถประดิษฐานร่วมกับเทพองค์อื่นๆได้ เช่น พระพรหม พระวิษณุ ศิวลึงค์ หรือครอบครัวของพระองค์ คือ พระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา พระพิฆเนศ พระขันทกุมาร ควรปูโต๊ะหรือแท่นบูชาด้วย ผ้าสีขาว สีแดง สีเงิน โดยเฉพาะ ผ้าพิมพ์ลายหนังเสือ (หนังเสือเทียม) ท่านจะโปรดมาก แท่นหรือโต๊ะควรเป็นลายไม้ธรรมชาติ หรือทาสีด้วย สีดำสนิท สีแดง สีเงิน โดยไม่มีลายสีทอง (พระองค์ไม่โปรดสัญลักษณ์ที่สื่อถึงทองคำ เนื่องจากพระองค์ปฏิบัติโยคะอย่างสูงสุด มีความสมถะ เรียบง่าย) เครื่องสังเวย ของถวาย น้ำดื่ม นมสด (จืดหรือหวาน ไม่ปรุงแต่งกลิ่นหรือสี) ดอกไม้ สามารถใช้ดอกดาวเรือง ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกไม้ป่าต่างๆ ทุกสี ทุกพันธุ์ กำยาน กลิ่นจันทน์ กลิ่นดอกบัว กลิ่นสมุนไพรและพรรณไม้ต่างๆ ผลไม้ ควรถวายผลไม้ที่มีกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ รสชาติอ่อนๆ ไม่เปรี้ยวจัด ไม่หวานจัด หรือขมจัดเกินไป ผลไม้ไม่ควรปอกเป็นคำๆ ควรถวายทั้งเปลือก

รู้ไปโม้ด : ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า (ตอนแรก)

April 26, 2019 shantideva 0

เรียนถามน้าชาติ พระพุทธเจ้าปรินิพพานอย่างไร ประชวรเป็นอะไรครับ ที่ว่าเพราะเนื้อสุกรจริงไหม ชาวพุทธ ตอบ ชาวพุทธ เมล์ข้อความนี้มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว น้าชาตินำมาตอบเนื่องในวันวิสาขาบูชา อันประวัติบันทึกว่า เป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระโคตม

พระองคุลิมาลเถระ ผู้ต้นคดปลายตรง

April 22, 2019 shantideva 0

พระองคุลิมาล เป็นบุตรปุโรหิตแห่งราชสำนักพระเจ้าปเสนทิโกศล บิดาท่านนามว่าคัคคะ มารดานามว่า มันตานี วันที่ท่านเกิดนั้นบิดาเฝ้าอยู่ในสำนักพระราชวัง เกิดแสงรุ่งโรจน์ขึ้นที่พระคลังแสงเป็นที่อัศจรรย์ บิดาแหงนหน้าขึ้นดูท้องฟ้า เห็นดาวโจรลอยเด่นอยู่ จึงกราบทูลว่าเด็กที่เกิดขึ้นเวลานี้จะเป็นมหาโจรชื่อดัง พระราชาตรัสถามว่า เป็นโจรธรรมดา

พระมหาโมคคัลลานเถระ

พระมหาโมคคัลลานเถระ อัครสาวกเบื้องซ้ายผู้มีฤทธิ์มาก

April 21, 2019 shantideva 0

พระมหาโมคคัลลานเถระ นามเดิมว่า “โกลิตะ” เป็นบุตรพราหมณ์ หัวหน้าหมู่บ้านโกลิตะคาม ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านอุปติสสะคาม ท่านมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวด้วยกันชื่ออุปติสสะ ชีวิตในวัยหนุ่มของท่าน ก็เช่นเดียวกับชีวิตพระสารีบุตร คือ ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร เมื่อเบื่อหน่ายลัทธิคำสอนของอาจารย์สัญชัย ก็พากันแสวงหาทางใหม่

พระอนุรุทธะ

พระอนุรุทธเถระ สดมภ์หลักในวาระสุดท้ายแห่งพระพุทธองค์

April 21, 2019 shantideva 0

พระอนุรุทธเถระ พระเถระรูปนี้เป็นพระ “สหภูมิ” (คือถือกำเนิดในเมืองกบิลพัสดุ์ อันเป็นเมืองมาตุภูมิของพระพุทธองค์) รูปหนึ่งที่ออกบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ พระอนุชาธิราชของพระเจ้าสุทโธทนะ มีพระเชษฐาร่วมพระอุทร คือ เจ้าชายมหานามะ และกนิษฐา คือ นางโรหิณี เจ้าชายอนุรุทธะเป็นคนที่สุขุมาลชาติมาก